กรณีศึกษา บทที่ 4
กรณีศึกษาที่ 1: การใช้เครือข่ายไร้สายของบริษัทเฮิร์ตซ์ (Hertz)
อุตสาหกรรมการให้เช่ารถยนต์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก และเฮิรตซ์ก็เป็นบริษัทที่ให้บริการรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของธุรกิจการเช่ารถ โดยให้บริการเช่ารถในหลายร้อยแห่งทั่วโลก และมีคู่แข่งที่สำคัญหลายสิบราย การแข่งขันจะเน้นที่การหาลูกค้าและการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
อุตสาหกรรมการให้เช่ารถยนต์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก และเฮิรตซ์ก็เป็นบริษัทที่ให้บริการรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของธุรกิจการเช่ารถ โดยให้บริการเช่ารถในหลายร้อยแห่งทั่วโลก และมีคู่แข่งที่สำคัญหลายสิบราย การแข่งขันจะเน้นที่การหาลูกค้าและการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
บริษัทเฮิร์ตซ์ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่บริษัทจะมองหาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้สนับสนุนในการแข่งขันทางธุรกิจ และ เฮิรตซ์นับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในการนำคอมพิวเตอร์พกพามาประยุกต์ช่วยงานด้านต่างๆ ดังนี้
- การให้บริการเช่ารถยนต์ด้วยความรวดเร็ว
เมื่อมีการจองรถยนต์ล่วงหน้าแล้ว และผู้เช่าเดินทางมาถึงสนามบิน พนักงานต้อนรับของบริษัทจะคอยดูแลด้วยการส่งข้อมูลของผู้เช่าไปยังเคาน์เตอร์ที่ให้บริการเช่ารถยนต์โดยผ่านเครือข่ายไร้สายนพนักงานะแจ้งสถานที่รับรถยนต์ ผู้เช่าก็สามารถนำรถยนต์ไปใช้งานได้ ขั้นตอนในระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายไร้สายซึ่งสามารถตรวจสอบบัตรเครดิต ประวัติการเช่ารถ การสะสมคะแนนกับสายการบิน และอื่นๆ
- การคืนรถยนต์อัตโนมัติ
บริษัทเฮิรตซ์เป็นผู้บุกเบิกวิธีการนี้ในปี ค.ศ. 1987 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของบริษัทด้วยเครือข่ายไร้สายอำนวยความสะดวกในกระบวนการคืนรถยนต์ เมื่อผู้เช่านำรถยนต์ไปจอดที่จุดคืนรถยนต์ พนักงานจะใช้คอมพิวเตอร์พกพาคำนวณค่าใช้จ่ายและพิมพ์ใบเสร็จรับเงินผู้เช่าสามารถคืนรถยนต์ภายในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องไปที่เคาน์เตอร์ให้บริการเช่ารถยนต์แต่อย่างใด
- บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรถยนต์
เริ่มให้บริการตั้งแต่ ค.ศ. 1988 โดยบริษัทเฮิรตซ์เริ่มให้บริการเช่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ติดตั้งในรถยนต์แน่นอนว่าในปัจจุบันถือว่าการบริการดังกล่าวไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ในปี ค.ศ. 1988 นับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีการนำมาใช้งาน
- การตรวจสอบเส้นทางเดิน
รถยนต์บางคันจะมีระบบการระบุตำแหน่งด้วยดาวเทียมที่เรียกว่า GPS ซึ่งอำนวยความสะดวกให้คำแนะนำในการตรวจสอบสถานที่เดินทาง แผนที่จะแสดงผลผ่านทางจอภาพประกอบเสียงโดยจะแสดงตำแหน่งที่ผู้ใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น รวมทั้งเส้นทางที่จะเดินทางไป นอกจากนี้ยังแสดงสารสนเทศเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว
- บริการเสริมสำหรับลูกค้า
ลูกค้าของเฮิรตซ์สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน แผนที่แหล่ง ชอปปิ้ง ตลอดจนแสดงสถานที่ของร้านค้า โรงแรม และแหล่งบันเทิงต่างๆ ผ่านทางเครื่องพีดีเอ และ อุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ และเป็นที่แน่นอนว่าลูกค้าสามารถที่จะตรวจสอบเส้นทางเดินทางไปยังแหล่งนั้นๆ ได้
- ตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า
เฮิรตซ์กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบการตรวจสอบตำแหน่งของรถยนต์เช่า ระบบนี้จะช่วยให้บริษัทตรวจสอบได้ว่ารถยนต์ที่ให้เช่านั้น ขณะนี้อยู่บริเวณใด ขับด้วยความเร็วเท่าใด ถึงแม้ว่าบริษัทจะแจ้งว่าสารสนเทศที่จัดเก็บนั้นนำมาใช้เพื่อให้ส่วนลดแก่ลูกค้า ในขณะที่บางคนมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็มีลูกค้าที่เห็นด้วยเนื่องจากรู้สึกว่ามีความปลอดภัยหากบริษัทจะสอดส่องความเคลื่อนไหวในการเดินทางตลอดเวลา
คำถาม
1. จากการประยุกต์ใช้เครือข่ายไร้สายของบริษัทเฮิรตซ์ที่ได้กล่าวข้างต้น แอปพลิเคชั่นที่ประยุกต์เพื่อใช้งานธุรกิจภายในองค์การมีอะไรบ้าง และมีแอปพลิเคชั่นใดบ้างที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ตอบ
- การสื่อสารที่ไร้ขอบเขตไม่ว่าจะเป็นผ่านการแซทเทิลไลท์ หรือว่า ระบบการสื่อสารข้อมูลอื่นๆ ที่ส่งผลให้ระบบการทำงานมีความสะดวกรวดเร็วขึ้น
-แอปพลิเคชั่นที่ประยุกต์เพื่อใช้งานธุรกิจภายในองค์การมี
1. การให้บริการเช่ารถยนต์ด้วยความรวดเร็ว
2. การคืนรถยนต์อัตโนมัติ
3. บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรถยนต์
4. การตรวจสอบเส้นทางเดิน
5. บริการเสริมสำหรับลูกค้า
6. การตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า
-แอปพลิเคชั่นที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
1. การคืนรถยนต์อัตโนมัติ
2. การตรวจสอบเส้นทางเดิน
3. บริการเสริมสำหรับลูกค้า
2. ประโยชน์อะไรบ้างที่เฮิรตซ์ได้รับจากการตรวจสอบตำแหน่งของรถเช่า และในฐานะที่ท่านเป็นผู้เช่ารถ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการดำเนินการในลักษณะนี้
ตอบ
- ตรวจสอบว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน แล่นความเร็วเท่าไร ยังไง ป้องกันการขโมยรถ คิดว่าดีเพราะว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุหรือว่ารถสูญหายสามารถติดตามได้
กรณีศึกษาที่ 2: การใช้ RFID ในห่วงโซ่อุปทานของยา
ในอุตสาหกรรมยาของโลกมีปัญหาต่างๆ ไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆจากสถิติพบว่าในโซ่อุปทานของเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศนั้นอาจมียาปลอมมากถึง 7 % ในแต่ละปีตลาดยาต้องมีค่าใช้จ่ายสูงถึงสองพันล้านดอลลาร์สำหรับยาที่ล้นสต็อกและยาที่เก็บไว้จนหมดอายุ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บยาคืนปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตเวชภัณฑ์ ผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ขนส่ง ตลอดจนผู้ค้าปลีก ดังนั้นจึงทำให้อุตสาหกรรมยาคิดที่จะนำเทคโนโลยี RFID มาช่วยอำนวยความสะดวกแลเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูลและประวัติของยาที่ผลิตและจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัยของยา เหตุผลที่อุตสาหกรรมยานำ RFID มาใช้พอสรุปได้ดังนี้
- ทำให้เห็นของในสต็อกได้ทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
RFID สามารถตรวจจับยาได้ทุกภาชนะบรรจุไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ง่ายและรวดเร็วต่อการจัดส่ง ลดงานที่ต้องใช้มือทำ เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบการขนส่งและจัดจ่าย รวมทั้งเพิ่มโอกาสที่ร้านจำหน่ายยาจะมีสินค้าอย่างเพียงพอ
- สามารถควบคุมการสูญหายและปกป้องชื่อเสียงของยี่ห้อ
ความสามารถในการตรวจสอบที่มาที่ไปและจำนวนของสินค้าได้ทุกจุดในห่วงโซ่อุปทานมีประโยชน์ในการลดการสูญหายของสต็อก RFID สามารถตรวจสอบได้ว่าสินค้าถูกส่งออกไปจากโรงงานใด ผู้ผลิตคือใคร และราคาเดิมเป็นเท่าไร และสามารใช้ป้องกันการนำของออกจำหน่ายในช่องทางการจำหน่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ยา การเรียกยาคืน และข้อกำหนดต่างๆ
RFID สามารถใช้ตรวจสอบยาปลอม รวมทั้งล็อตของยาและวันหมดอายุของแต่ละล็อต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารเรื่องการหมดอายุของยา อีกทั้งสามารถเก็บข้อมูลสายการผลิตของยาแต่ละล็อตของยาตามกฎหมายอีกด้วย การมีข้อมูลประวัติการผลิตทำให้ RFID ช่วยลดระยะเวลาในการค้นหาสินค้าที่ต้องเรียกคืนได้เป็นอย่างมาก
คำถาม 1. ท่านคิดว่า RFID มีข้อได้เปรียบกว่าบาร์โค้ดอย่างไรบ้าง
ตอบ - สามารถพกพาได้สะดวก ตรวจสอบสินค้าว่าอยู่ไหนก็ได้ ไปถึงขั้นตอนไหน
2. จงยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยี RFID ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจต่างๆ มาอย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
- การตรวจสอบสินค้าในโรงงาน
- การตรวจสอบสินค้าในคลังพัสดุ
- การติดกับสินค้าที่มีชีวิต
- โรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
- โรงงานผลิตอาการกระป๋อง
- โกดังเก็บสินค้าที่ใหญ่ๆ
ตอบ
3. ท่านคิดว่าข้อจำกัดของการนำ RFID ไปใช้ในงานธุรกิจมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ-ระบบ RFID ไม่สามารถนำไปตรวจสอบอุปกรณ์ที่มีการตอบสนองต่อความถี่วิทยุย่าน ไกลเคียงกับเครื่อง RFID ได้ เนื่องจากอาจทำให้ผลการตรวจเช็คผิดพลาดได้ และอาจทำ ให้สินค้าได้รับความเสียหายได้
-การติดตั้งระบบค่อนข้างมีราคาสูงอาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่มีทุนไม่สูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น